แนะนำ 5 โปรแกรมบันทึกหน้าจอฟรี ใช้งานง่าย ไม่หนักเครื่อง

 

แนะนำ 5 โปรแกรมบันทึกหน้าจอฟรี ใช้งานง่าย ไม่หนักเครื่อง

เคยอยากบันทึกหน้าจอ แล้วทำไมไม่ได้ไหม จริง ๆ ใน Windows 10 ก็มีโปรแกรมเฉพาะของเขาเอง แต่มันมีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้น่าหงุดหงิดใจ วันนี้เราเลยรวบรวม 5 โปรแกรมบันทึกหน้าจอมาให้ใช้ฟรี ว่

5 โปรแกรมบันทึกหน้าจอฟรี มีอะไรบ้าง ไปดูกัน

1. Free Cam

Free Cam เป็นโปรแกรมบันทึกหน้าจอฟรีแบบเรียบง่าย มีโปรแกรมแก้ไขเสียงหรือวิดีโอในตัว ถึงแม้ว่าซอฟต์แวร์นี้จะให้บริการฟรี แต่มันก็ไม่ได้ใส่ลายน้ำและไม่มีโฆษณานะเออ ถือว่าเป็นฟรีดี ๆ ตัวนึงเลย

ข้อดี Freecam

• ไม่มีลายน้ำ ไม่มีเวลาจำกัดและโฆษณา
• บันทึกได้ทั้งจากเสียงไมค์และเสียงจากคอมพิวเตอร์
• สามารถเลือกบันทึกเป็น .WMV หรือแชร์ไปยัง Youtube ได้เลย
• ได้วีดีโอคุณภาพสูง
• สามารถลบส่วนที่ไม่ต้องการออกได้ง่ายดาย
• สามารถตัดเสียงลบกวนได้
• มี Sound Effect ให้เลือกใช้

ข้อเสีย Freecam

• บันทึกเป็นไฟล์ .WMV เท่านั้น
• ไม่สามารถบันทึกวีดีโอจากเว็บแคมได้

ดู Demo ได้ที่

Download Free Cam now →

2.DVDVideoSoft’s Free Screen Video Recorder

DVDVideoSoft’s Free Screen Video Recorder โปรแกรมบันทึกหน้าจอฟรีที่มีคุณสมบัติครบถ้วน แต่ไฟล์มีขนาดเล็กเพื่อให้สามารถโหลดใช้งานได้ง่าย สามารถบันทึกการสนทนา Skype ได้โดยไม่มีข้อจำกัด ดังนั้นจึงมีประโยชน์สำหรับการสัมภาษณ์ Skype และการประชุมทางโทรศัพท์ออนไลน์

ข้อดีของ DVDVideoSoft’s

• หน้าจอใช้งานง่าย
• มีโหมดให้บันทึกหน้าจอหลายโหมด
• เหมาะสำหรับการบันทึกการสนทนา Skype
• มีคำแนะนำทีละขั้นตอนที่ให้ไว้บนเว็บไซต์
• สามารถแปลงเป็นไฟล์ BMP, TGA, JPEG, PNG และ GIF

ข้อเสียของ DVDVideoSoft’s

• บันทึกเสียงผ่าน Microphone เท่านั้น
• มีโฆษณา ซึ่งอาจขัดการทำงาน
• อาจติดตั้ง Bloatware ในบางครั้ง
• ไม่มีการแจ้งให้ทราบหากยกเลิกบันทึก

ดู Demo ได้ที่

Download DVDVideoSoft’s Now →

3. Ezvid

Ezvid ถูกยกย่องว่าเป็นเครื่องบันทึกหน้าจอที่ใช้งานง่ายที่สุดในโลก ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อประหยัดเวลาทำงานของผู้ใช้ โปรแกรมนี้จะช่วยให้เราสามารถสร้างและอัปโหลดวิดีโอไปยัง YouTube ได้

ข้อดี Ezvid

• บันทึกความละเอียดคุณภาพสูงอัตโนมัติ (1280 x 720p HD)
• สามารถควบคุมความเร็วในการเล่นของวีดีโอได้
• หน้าตาทันสมัยใช้งานง่าย
• สามารถอัพโหลดไปยัง Youtube ได้
• มีแทร๊กเสียงให้เลือกมากมาย

ข้อเสีย Ezvid

• การใช้งานบางครั้งมีบัคเล็กน้อย
• ไม่สามารถบันทึกการเล่นเกมแบบ Full Screen ได้

ดู Demo ได้ที่

Download EZVID Now →

4.Camtasia Studio

Camtasia Studio เป็นเครื่องมือบันทึกหน้าจอที่เต็มไปด้วยคุณสมบัติสำหรับคนที่ต้องการจะใส่รายละเอียดต่าง ๆ เข้าไป  ซึ่งสามารถใช้งานได้ง่ายและไม่ยุ่งยาก โปรแกรมตัวนี้มีราคาอยู่ที่ 299$ แต่เราสามารถทดลองใช้ได้ 30 วัน หากใครต้องการใช้งานด่วน ๆ แบบชั่วคราว โปรแกรมนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว

ข้อดี Camtasia Studio

• แทร็กเสียงวิดีโอและเคอร์เซอร์สามารถแก้ไขแยกกันได้
• สามารถ Insert ภาพหรือวีดีโอที่มีอยู่เข้าไปได้
• เพิ่มคำบรรยายได้
• มีตัวเลือกในการซูมและแพนกล้อง
• สามารถบันทึกภาพเว็บแคมได้
• สามารถแก้ไขวีดีในระดับเฟรต่อเฟรม

ข้อเสีย Camtasia Studio

• โปรแกรมมีราคาค่อนข้างแพง
• ไม่เหมาะสำหร้บทำงาน Project ใหญ่ ๆ
• ต้องอัพเกรดเป็นระยะ
• ทดลองใช้ฟรีได้ 30 วัน

Download Camtasia Studio Now →

5.OBS Studio

จริง ๆ โปรแกรมตัวนี้ทำได้หลายอย่างมาก ๆ โดยหลัก ๆ เค้าจะให้ไว้ต่อเพื่อ Live กับ Facebook แต่โปรแกรมมันสามารถบันทึกหน้าจอได้นะ ฟรีด้วย แถมบันทึกได้ไม่จำกัด

ข้อดี OBS Studio

• สามารถเพิ่มหรือลดเสียงของวีดีโอได้
• สามารถบันทึกเป็นไฟล์นามสกุล mkv,flv,mp4
• ได้ความละเอียดภาพแบบ Full HD+
• ไม่มีโฆษณาและไม่มีลายน้ำ
• บันทึกวีดีโอได้ไม่จำกัด

ข้อเสีย OBS Studio

• การเริ่มต้นใช้งานต้องมีการตั้งค่าที่ยุ่งยากนิดหน่อย
• ไม่สามารถบันทึกเว็ยแคมได้
• ไม่สามารถบันทึกเสียงจากไมค์ได้

ดู Demo ได้ที่

Download Camtasia Studio Now →

cr:  techhub.in.th

Read More

หลุมพรางเทคโนโลยี AI ทำให้คนคิดน้อยลง เมื่อเราถูกป้อนข้อมูลโดยไม่รู้ตัว

 

ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ AI เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนทั่วโลก ธุรกิจต่างให้ AI ช่วยคิดและช่วยออกแบบธุรกิจ ใช้ในการคัดคนสมัครงาน บางทีใช้เพื่อเป็นแนวทางตัดสินคดีความ คนทั่วไปใช้เพื่อคุมระบบ Smart Home หรือใช้เพื่อคนหาข้อมูลบนโทรศัพท์

ดูไปแล้ว AI มันก็มีแต่ข้อดีที่ทำให้ชีวิตคนเราสะดวกขึ้น แต่กำลังมีคำถามว่า อัลกอริทึมเหล่านี้กำลังผลักดันให้เราคิดน้อยลงและทำตามการแสดงผลที่อาจจะถูกต้องหรือไม่ถูกต้องตามข้อมูลที่มันได้รับ กล่าวคือหากข้อมูลมีความอคิติ ผลลัพธ์คงไม่ดีแน่

เมื่อ AI มีวิวัฒนาการ เราจำเป็นต้องมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการตั้งคำถามว่าอัลกอริทึมทำอะไร ผลลัพธ์ที่ได้หมายถึงอะไร และหากมีอคิตีอยู่ในชุดข้อมูลจะส่งผลต่อผลลัพธ์ได้ที่อย่างไร

มีหลายวิธีของ AI ที่ทำให้เราตาบอดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเราเริ่มเชื่อและชอบในสิ่งที่เราเห็นบนฟีดข่างของ Facebook ที่ขับเคลื่อนโดยอัลกอริทึ่ม AI เราจะเห็นเฉพาะบทความที่ยืนยันมุมมอมและอคิติของเรา และเราจะอดทนต่อแนวคิดหรือมุมมองของคนอื่นน้อยลง

ในแพลทฟอร์มอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน อัลกอริทึมมีการแนะนำเนื้อหาที่สามารถกำหนดความต้องการของเราและนำไปในจุด ๆ นั้นโดยไม่รู้ตัว พูดง่าย ๆ คือพยายามฟีดเฉพาะข้อมูลที่เราต้องการ ข้อมูลที่สนับสนุนความคิดและอคติเรา ซึ่งจะทำให้เราเสพติดการเล่น Social Media

หากจะยกตัวอย่างข้อเสียของ AI โดน หาก AI ได้รับข้อมูลผิด ๆ จะเกิดความเสียหายอย่างไร เช่น ธนาคารอาจปฏิเสธการขอสินเชื่อเพียงแค่ถูกตั้งค่าไว้ว่าคุณสมบัติขาดไปแค่ 1 จาก 10 ข้อ ซึ่งหากเป็นคน จะมีการพิจารณาที่ไม่ได้เถรตรงเช่นนี้เสมอ หรือบางครั้งที่ใช้เป็นแนวทางตัดสินคดีความ คำตัดสินอาจไม่เป็นธรรม หากข้อมูลที่ได้ถูกใส่อคติลงไป

สิ่งสำคัญคือราต้องจำไว้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นอัลกอริทึมทางคณิตศาสตร์ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะได้แบบตรง ๆ เหมือนกับ 1 + 1 ได้ 2 มันแตกต่างจากหลักจริยธรรมที่มีผลลัพธ์ได้มากกว่านั้น

หากถามว่า ทำไม Ai ถึงเป็นแบบนั้น ? ใครจะรู้ล่ะ…

ปัจจุบัน ความท้าทายที่สำคัญของการพัฒนา AI คือ AI ไม่สามารถอธิบายได้ว่าสิ่งที่คำนวนมาได้ผลลัพธ์แบบนั้นมีเหตุผลอะไร? เพราะ Deep-learning และอัลกอริทึ่มจะถูกพัฒนาจากตรรกะข้อมูลและการทำงานในรูปแบบที่ซับซ้อนมาก และบางครั้งผู้ที่สร้าง Ai ขึ้นมาก็ยังอธิบายไม่ได้ มันอาจเกิดปัญหาร้ายแรงหาก AI ถูกนำไปคำนวนผลลัพธ์ในประเด็นที่มีประเด็นเกี่ยวกับจริยธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง

สิ่งนี้เคยเกิดปัญหาขึ้นแล้วคือ บัตรเครดิตของ Apple ที่ใช้ AI ในการคำนวนยอดวงเงิน โดยให้วงเงินผู้ชายมากกว่า 20 เท่าของผู้หญิงเพราะมีข้อมูลว่าผู้ชายเป็นฝ่ายหาเงินมากกว่าผู้หญิง (ซึ่งมันเก่ามากแล้วล่ะนะ)

ในกรณีเหล่านี้นักพัฒนาได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการลบคุณสมบัติใด ๆ ออกจากข้อมูลที่อาจทำให้เกิดอคติในอัลกอริทึม แต่ AI มักพบความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนซึ่งพาดพิงถึงสิ่งต่าง ๆ เช่นเพศและเชื้อชาติโดยทางอ้อม และหากไม่มีวิธีใดในการตรวจสอบอัลกอริทึมเหล่านั้น การค้นหาความสัมพันธ์ที่เป็นปัญหาเหล่านี้จึงกลายเป็นความท้าทายใหม่ของการพัฒนา AI

ในขณะที่การเติบโตของการเรียนรู้เชิงลึกและเครือข่ายประสาทเทียมกำลังเพิ่มขึ้น
ความสนใจที่ต้องการทำให้ AI มีหลักจริยธรรมกำลังเป็นที่เป็นที่สนใจ ก่อนหน้านี้มีผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ยกประเด็นปัญหาและพยายามทำให้มุมมองของพวกเขาเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป

ผู้บริหารอย่าง Bill Gates และ Elon Musk ตลอดจนนักวิทยาศาสตร์อย่าง Stuart Russell และ Stephen Hawking ที่ล่วงลับไปแล้วได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับผลที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจของ AI รวมทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ Google ถูกบังคับให้ต้องอธิบายแนวทางของพวกเขาเกี่ยวกับ AI เพื่อหาแนวทางที่ไม่ทำลายหลักจริยธรรมของมนุษย์หากต้องขายเทคโนโลยีนี้ให้กับหน่วยงานภาครัฐ

บทสรุปของ Ai ในปัจจุบัน มันไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักร (ในตอนนี้) เพราะจะคิดตามข้อมูลที่ถูกป้อนเขาแล้วคิดในแนวตรง หากจะเปรียบเทียบกับบางอาชีพอย่างพยาบาล AI ยังเป็นเทคโนโลยีที่ยังเข้าถึงได้ยากมาก เพราะอาชีพนี้มีรายละเอียดที่ต้องใช้หลักจิตวิทยาและจริยธรรมบางอย่างที่ไม่สามารถใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐานได้เสมอไป

ข้อมูลจาก

https://www.techhub.in.th/ai-in-the-future/

Read More