This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

A beautiful Start

It begins here. Windows 8 and Windows RT.

Make the #switch

It’s colourful. Fast. Takes amazing photos. And that’s just for starters... So many reasons to fall in love with the new Nokia Lumia. Then make the #switch.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันศุกร์, พฤศจิกายน 10, 2560

ใครจะเป็นเจ้าแห่งความเร็วเปิดแอปครั้งนี้ใครจะชนะ ระหว่าง iPhone X กับ Note 8 ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจ !! (มีคลิป)

Mobile : ประชันความเร็ว...ทดสอบความเร็วเปิดแอประหว่าง iPhone X
กับ Galaxy Note 8 ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจ !! (มีคลิป)
นอกจากเรื่องกล้องที่มักจะจับมาเปรียบเทียบกันชัดๆแล้ว ในเรื่องของความเร็วก็เป็นอีกอย่างที่หลายๆคนอยากทราบว่าเรือธงในใจเรานั้นรุ่นไหนจะเร็วกว่ากัน แน่นอนว่าข่าวนี้เรายังคงอยู่กับ iPhone X เรือธงที่เป็นกระแสฮอตฮิตที่สุด ณ เวลานี้ ในเรื่องของประสิทธิภาพคงไม่มีใครเถียงว่า iPhone X นั้นมาพร้อมหน่วยประมวลผลที่เร็วแรงมากๆ แต่ถ้าเกิดจับมาเทียบกับ Galaxy Note 8 ล่ะ ความเร็วที่ว่าแรงนั้นจะต่างกันคู่แข่งแค่ไหน
ล่าสุดทางช่อง Phonebuff ได้ทำคลิปเปรียบเทียบความเร็วในการเปิดแอปของทั้ง 2 รุ่นนี้ออกมาให้เราได้ชมกันแล้ว ซึ่งรูปแบบการทดสอบจะเป็นการเปิดแอปชุดหนึ่งที่เตรียมมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแอปหลักๆอย่าง กล้อง , อัลบั้ม , โซเชี่ยล , เกม ไปจนถึงแอปตกแต่งภาพอย่าง Photoshop เลยด้วย เพื่อทดสอบความเร็วในการโหลดเข้าแอปและการประมวลผลคร่าวๆ การทดสอบจะทำ 2 รอบเพื่อดูแอปที่รัน Background อยู่ด้วย ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรลองไปชมกันจากคลิปด้านบนได้เลยครับ :D
สรุปคร่าวๆจากคลิป จะเห็นว่าความเร็วในการเปิดแอปต่างๆใกล้เคียงกันพอสมควร (ห่างกันราวๆ 9 วินาที) ตัว iPhone X นั้นจะทำได้เร็วกว่านิดหน่อยในแอปที่ต้องใช้เวลาการประมวลผลหนักๆ แต่เมื่อรอบที่ 2 ที่มีการเปิดแอปทั้งหมดที่ทิ้งไว้ใน Background ตัว Note 8 กลับทำได้ดีกว่าเพราะไม่มีแอปไหนที่ต้องโหลดใหม่เลย สามารถเปิดต่อเนื่องจากที่เคยเปิดไว้ได้ทันที ในขณะที่ iPhone X นั้นมีบางแอปที่ต้องโหลดใหม่แต่ต้น ตรงนี้ก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ผลิกโผเท่าไหร่ เพราะแรมที่ให้มาบน Note 8 นั้นมากกว่าของ iPhone X ถึงเท่าตัว (6GB กับ 3GB) แต่ที่น่าสนใจก็คือเวลาในการโหลดต่างๆใกล้เคียงกันพอสมควรนี่แหละ :D

ที่มา : Phonebuff

วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 02, 2560

เปิดตัว OPPO F5 มือถือจอ 6 นิ้วไร้ขอบ เน้น Selfie ด้วย AI ราคาแค่ 9,990 บาท


เปิดตัว OPPO F5 มือถือจอ 6 นิ้วไร้ขอบ เน้น Selfie ด้วย AI ราคาแค่ 9,990 บาท

เปิดตัว OPPO F5 มือถือจอ 6 นิ้วไร้ขอบ เน้น Selfie ด้วย AI ราคาแค่ 9,990 บาท

แบไต๋
สนับสนุนเนื้อหา
OPPO เปิดตัวสมาร์ทโฟนเน้นเซลฟี่ด้วยสมองกลอัจฉริยะอย่าง  โดยชูจุดเด่นกล้องหน้า 20 ล้านพิกเซลพร้อม A.I. Beauty Recognition Technology ที่พิจารณาภาพถ่ายและปรับแต่งให้สวยงามอัตโนมัติ พร้อมจอแบบ Full Screen สัดส่วน 18:9 ความละเอียด Full HD+ ในราคาแค่ 9,990 บาท
A.I. Beauty Recognition Technology ของ OPPO F5 จะเรียนรู้ลักษณะเฉพาะบนใบหน้าของแต่ละคน และอ้างอิงข้อมูลใบหน้าของคนทั่วโลกเพื่อปรับปรุงภาพถ่าย Selfie ให้สวยงามขึ้นตามลักษณะเฉพาะใบหน้าแต่ละคน
ในส่วนหน้าจอของ OPPO F5 นั้นเป็นจอ 6 นิ้วแบบ Full Screen ไร้ขอบตามสมัยนิยม ให้ความละเอียด 2160 x 1080 pixel หรือ Full HD+ ในสัดส่วน 18:9 และมีฟังก์ชั่นการปลดล็อกด้วยใบหน้าด้วย นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นที่หลายคนเรียกร้องคือการตัดสิ่งรบกวนทั้งหมดเพื่อให้เหมาะสำหรับการเล่นเกม หรือเวลาถ่ายวิดีโอ โดยสายที่เรียกเข้าจะเป็นเพียงแค่แบนเนอร์ไม่รบกวนการใช้งาน
ณเดชน์เป็นพรีเซนเตอร์ OPPO F5

สเปกของ OPPO F5

  • CPU: MediaTek MT6763T Octa-core 2.5 GHz
  • GPU: Mali G71
  • RAM: 4 GB
  • ROM: 32 GB (ใส่ MicroSD ได้อีก 256 GB)
  • หน้าจอ: 6 นิ้ว 2160 x 1080 pixel สัดส่วน 18:9
  • กล้องหน้า: 20 ล้านพิกเซล f/2.0
  • กล้องหลัง: 16 ล้านพิกเซล f/1.8
  • Android : 7.1 ครอบทับด้วย Color OS 3.2
  • แบตเตอรี่: 3,200 mAh
  • ใส่ Nano-sim 2 ซิม
  • มี 2 สีคือสีทองและสีดำ
นอกจากนี้ OPPO ยังเปิดตัวณเดชน์ คูกิมิยะเป็นพรีเซนเตอร์ของ OPPO F5 และสมาร์ทโฟนรุ่นพี่คือ OPPO F5 6 GB สีแดง RAM 6 GB, ROM 64 GB และรุ่นน้อง OPPO F5 Youth อีกด้วย
OPPO F5 6 GB เครื่องสีแดง
โดย OPPO F5 จะเริ่มเปิดให้สั่งจอง 2 – 10 พ.ย. 60 และวางจำหน่ายในวันที่ 11 พ.ย. นี้
ภาพตัวอย่างจาก OPPO F5
กล้องหลัง OPPO F5 (หลังจริงๆ นะ)
กล้องหลังที่ให้แสงสีได้ดีเลย
ตอนนี้ Oppo เป็นแบรนด์อันดับ 2 ในไทยแล้ว
จับ OPPO F5 เทียบกับ VIVO V7+ (เครื่องซ้าย)

จับ OPPO F5 เทียบกับ VIVO V7+ (เครื่องซ้าย)

[ต่างประเทศ] 8 ความรู้สึกที่มีต่อ iPhone X หลังการใช้งานจริง 1 วันเต็มๆ


[ต่างประเทศ] 8 ความรู้สึกที่มีต่อ iPhone X หลังการใช้งานจริง 1 วันเต็มๆ

[ต่างประเทศ] 8 ความรู้สึกที่มีต่อ iPhone X หลังการใช้งานจริง 1 วันเต็มๆ

thaimobilecenter
สนับสนุนเนื้อหา
หากพูดถึงสมาร์ทโฟนที่มีคนรอคอยมากที่สุดช่วงนี้คงจะหนีไม่พ้น iPhone X เรือธงตัวจริงจาก Apple ที่มีการอัปเกรดทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ขนานใหญ่หลังจากที่ยึดดีไซน์เดิมมานาน และมีเสียงตอบรับล้นหลามในวันเปิด pre-order วันแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจนของหมดสต็อกภายในไม่กี่นาที นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม
James Titcomb ผู้สื่อข่าวจาก Telegraph เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้เป็นเจ้าของ  ในขณะนี้ และเขาก็ได้แบ่งปัน 8 ความรู้สึกที่มีต่อเรือธงรุ่นนี้บนคอลัมน์ของตัวเองหลังจากใช้งานไป 24 ชั่วโมงเต็ม ประสบการณ์การใช้งานจริงของเขาจะเป็นอย่างไร เราไปดูกันเลยครับ

1. ดีไซน์แตกต่างจากเดิมชัดเจน

1
ดีไซน์ภายนอกของ iPhone แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ iPhone 6 เป็นต้นมา ผู้ใช้หลายคนจึงรู้สึกว่าจำเจและไม่ค่อยอยากจะอัปเกรดกันเท่าไหร่ แต่ iPhone X นั้นมีการพลิกโฉมดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นจอไร้ขอบที่มีพื้นแสดงผลเกือบ 100% ทำให้ได้หน้าจอใหญ่กว่าบนตัวเครื่องที่เล็กลง
อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่าดีไซน์ตัวเครื่องยังไม่โดดเด่นเท่าดีไซน์ของตัวซอฟต์แวร์ที่ปรากฏบนจอ และที่น่ารำคาญคือกล้องหลังที่นูนออกมามากกว่ารุ่นก่อนๆ และเป็นแนวตั้ง เมื่อวางราบลงไปบนพื้นผิวเรียบๆ เช่นโต๊ะทำงาน กล้องหลังจะค้ำตัวเครื่องเอาไว้ ทำให้ตัวเครื่องเอนไปมา

2. Face ID ทำงานได้ดี ไม่มีติดขัด

2
Face ID เป็นหนึ่งในฟีเจอร์เด็ดของ iPhoneX ที่จะสแกนใบหน้าของผู้ใช้แบบ 3 มิติเพื่อยืนยันตัวตน หลายคนไม่ค่อยเชื่อมั่นในความแม่นยำของระบบนี้เนื่องจากเป็นของใหม่ที่ยังไม่เคยทดสอบกับผู้ใช้จำนวนมากมาก่อน และเคยเกิดข้อผิดพลาดมาแล้วระหว่างการสาธิตในวันเปิดตัว แต่จากการที่ได้ทดลองใช้จริงๆ เขาพบว่ามันทำงานได้ดีทุกครั้ง การบันทึกใบหน้าก็ไม่ยุ่งยาก และไม่จำเป็นต้องยก iPhone X ขึ้นมาส่องหน้าด้วย เพราะเพียงแค่มันหันกล้องมาหาเราก็ปลดล็อคตัวเครื่องได้ทันที

3. ระบบสแกนใบหน้า ที่ทำได้มากกว่าปลดล็อกหน้าจอ

3
ระบบสแกนใบหน้า 3 มิติบน iPhone X มีหน้าที่หลักๆ คือปลดล็อคหน้าจอแทนเซ็นเซอร์ Touch ID ที่ถูกตัดออกไป แต่มันยังมีประโยชน์อื่นๆ อีก เช่น แถบแจ้งเตือนข้อความต่างๆ บนหน้าจอล็อคจะแสดงพรีวิวก็ต่อเมื่อจับใบหน้าเราได้ หรือหากหน้าจอมืดอยู่ก็จะเพิ่มระดับความสว่างให้โดยอัตโนมัติ และปิดเสียงแจ้งเตือนทั้งหมดเมื่อเรามองจออยู่ได้ด้วย

 4. ไม่มีปุ่มโฮม ไม่ใช่ปัญหา

4
ปุ่มโฮมกลมๆ เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับ iPhone มาแต่ไหนแต่ไร จนกระทั่ง Apple สละมันทิ้งไปใน iPhone X เพื่อดีไซน์จอไร้ขอบ หลายคนอาจจะไม่ชิน แต่ James Titcomb มองว่ามันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เพราะ gesture ใหม่ที่มาแทนปุ่มโฮมนั้นใช้เวลาเรียนรู้ไม่นาน และใช้งานได้คล่องไม่แพ้ปุ่มโฮม

5. จอแสดงผลสวยงาม

5
iPhone X มาพร้อมกับจอแสดงผล Super Retina ซึ่งเป็นเทคโนโลยี OLED ทำให้สีสันบนจอสดใสกว่าจอ IPS ของ iPhone รุ่นก่อนๆ สำหรับเขาแล้วมันเป็นหน้าจอสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัสมาเลยทีเดียว

6. รอยแหว่งบนจอที่ทั้งรักทั้งเกลียด

6
สิ่งหนึ่งบน iPhone X ที่มีคนพูดถึงกันมากคือรอยแหว่งด้านบนหน้าจอที่มีไว้สำหรับเซ็นเซอร์ต่างๆ และกล้องหน้า ทำให้การแสดงผลดูแปลกไปโดยเฉพาะการดูวิดีโอแบบ full screen ที่จะมีรอบแหว่งยื่นเข้ามาบังไว้ แต่ในส่วนของ UI มีการจัดวางไอคอนสถานะต่างๆ ไว้อย่างลงตัวไม่ให้ถูกบัง ซึ่งสำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้ถือว่าแย่นัก

7. จอแบบใหม่ยังมีปัญหากับบางแอป

7
ด้วยความที่ iPhone X มีสัดส่วนหน้าจอที่เพรียวขึ้นในอัตราส่วน 19.5:9 แตกต่างจาก iPhone ทุกรุ่นที่มีหน้าจอ 16:9 ปัญหาก็คือ แอปพลิเคชันทั้งหมดบน App Store ได้รับการพัฒนาให้เข้ากับการแสดงผลแบบ 16:9 ทำให้ iPhone X อาจจะแสดงผลแอปพลิเคชันหลายตัวเพี้ยนไป อย่างไรก็ตามเหล่านักพัฒนาก็ทราบเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว และเริ่มทยอยอัปเดตแอปพลิเคชันของตนเองให้รองรับจอ 19.5:9 ส่วนแอปพลิเคชันทางการของ Apple สามารถรองรับการแสดงผลบน iPhone X ได้อย่างไม่มีปัญหา

8. Animoji เหมือนเป็นลูกเล่นมากกว่าฟีเจอร์

8
Animoji เป็น emoji แบบใหม่ที่มีเฉพาะบน iPhone X เท่านั้นในขณะนี้ ซึ่งเกิดจากการนำเทคโนโลยี Face ID มาใช้ร่วมกับ emoji 3 มิติ ทำให้เราสามารถแสดงสีหน้าของเราลงไปบน emoji ได้ สำหรับ James Titcomb แล้ว Animoji ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าที่ควร และเหมือนเป็นแค่ลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ มากกว่า เพราะเมื่อความรู้สึกแปลกใหม่หายไปแล้ว เขาก็ไม่ใช้มันอีกเลย นอกจากนี้ Animoji ยังส่งให้กันได้ผ่าน iMessage เท่านั้น ซึ่งหลายคนอาจจะไม่นิยมใช้กัน แม้จะ export ไปยังแอปอื่นๆ ได้ แต่ก็ยังไม่ดีเท่าไหร่
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : www.thaimobilecenter.com Telegraph