This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

A beautiful Start

It begins here. Windows 8 and Windows RT.

Make the #switch

It’s colourful. Fast. Takes amazing photos. And that’s just for starters... So many reasons to fall in love with the new Nokia Lumia. Then make the #switch.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันจันทร์, สิงหาคม 24, 2558

USB Type-C คืออะไร รู้จักกับ USB Type-C และ 3 สิ่ง ที่เราควรรู้เกี่ยวกับมัน

apple-usb-type-c-macbook-700x337

ในงาน Apple Event ที่ผ่านไป พอร์ท USB Type-C ที่มาพร้อมกับ MacBook รุ่นใหม่ เป็นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย และสำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ดียังไง เราจะมาแนะนำให้รู้จักกันครับ สิ่งเราจะสรุปมันออกมาเป็็น 3 สิ่งสำคัญของเจ้า USB Type-C พอร์ทแห่งอนาคตที่กำลังจะมาแทนที่พอร์ท USB แบบปัจจุบันกันครับ

1. มันเชื่อมต่อง่ายมาก

USB แบบเดิม เราจะต้องหันให้ถูกด้าน ซึ่งไม่ง่ายนักหากต่อในที่มืด แต่ USB Type-C เราสามารถเสียบด้านไหนก็ได้

2. มันส่งข้อมูลเร็วกว่าเดิม แถมจ่ายไฟได้มากกว่าเดิมอีกด้วย

USB Type-C สามารถส่งข้อมูลได้ด้วยอัตราสูงสุด 10Gbps เร็วกว่า USB 3.0 ในปัจจุบันถึง 2 เท่า ที่ทำได้อยู่ที่ 5Gbps และการจ่ายไฟ USB Type-C  ส่งกระแสไฟได้มากถึง 20 Volts/5 amps เทียบกับปัจจุบันที่จ่ายไฟได้เพียง 4 Volts/ 1.8 amps แตกต่างกันเกือบ 5 เท่า ทำให้อุปกรณ์ที่ใช้ USB Type-C ไม่จำเป็นต้องมีหม้อแปลงไฟอีกต่อไป การชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ก็แค่เสียบ USB Type-C ชาร์จได้เลยนั่นเอง

3. พอร์ทเดียวทำได้ทุกอย่าง

USB Type-C ถูกออกแบบให้ทำหน้าที่แทนได้ทุกพอร์ท มันสามารถรับส่งข้อมูล, ชาร์จไฟ, ทำหน้าที่ Display Port แต่ปัญหาในตอนนี้ คือ อุปกรณ์ในท้องตลาดยังแทบไม่มีตัวไหนที่หันมาใช้ USB Type-C เลย แต่ยังโชคดีที่มันใช้งานร่วมกับพอร์ทต่างๆ ในปัจจุบันได้อยู่ด้วยการแปลงหัวผ่านอแดปเตอร์

กว่าที่ USB Type-C จะแพร่หลายกลายเป็นพอร์ทมาตรฐาน ผมว่าเราคงต้องให้เวลามันอีกสักพัก งานนี้มันมาแน่ จะเร็วจะช้าเท่านั้นเอง ส่วนตัวคิดว่าภายในสิ้นปีนี้ น่าจะแพร่หลายมากขึ้นและเข้ามาแทนที่ USB แบบเดิมภายในไม่เกิน 2 ปี ข้างหน้า

 

แหล่งที่มา : www.thaiware.com

วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 16, 2558

การแก้ไข AsusSetup iniis lost ของ Windows

Error-Asussetup-1

สำหรับคนที่ใช้ Mainboard ของ ASUS สำหรับคอมพิวเตอร์ประกอบ หรือ Notebook Asus แล้วกำลังเจอกับปัญหาที่ว่าหลังจากที่ทำการเปิดคอมพิวเตอร์ แล้วจะเกิด Error ที่ขึ้นว่า C:\user\ตามด้วยชื่อ\AppData\local\Temp\xxxxxLog.iniis host

การแก้ไข AsusSetup ของการเปิด Widows

1. ทำการเปิด Task Scheduler ของ Windows  > คลิก ASUS

โดยอาจจะทำการในช่อง Search : Task Scheduler

Error-Asussetup-2

2. จากนั้นจะเห็น Jobs ให้ทำการคลิกขวาแล้วเลือก Disable ให้หมด

Error-Asussetup-3

จากนั้นลองทำการ Restart คอมพิวเตอร์ หลังจากเปิด Windows ขึ้นมาก็จะไม่เจอกับ Error อีกต่อไปแล้วครับ

เครดิต:http://www.itithai.com/article-tips/windows/806-fix-local-temp-error-lost.html

วันจันทร์, พฤษภาคม 11, 2558

แอพแนะนำ [android]: แอพรายชื่อใหม่ที่เจ๋งที่สุด Drupe แอพเดียวเอาอยู่ทั้งโทรหา, ข้อความ, Facebook, Line และ Email

แอพแนะนำ [android]: แอพรายชื่อใหม่ที่เจ๋งที่สุด Drupe แอพเดียวเอาอยู่ทั้งโทรหา, ข้อความ, Facebook, Line และ Email

แอพพลิเคชั่นตัวเด็ดมาแนะนำกันวันนี้ นับเป็นตัวที่มีความน่าใช้สูงมากครับ เป็นแอพฟรีเช่นเคย นั้นคือแอพพลิเคชั่น Drupe ซึ่งเจ้าแอพพลิเคชั่น Drupe ตัวนี้เป็นแอพใหม่ครับ มีหน้าที่การทำงานคล้ายๆ กับแอพพลิเคชั่นรายชื่อติดต่อหรือแอพพลิเคชั่นโทรออก ที่ผมบอกว่าคล้าย เพราะความสามารถของมันมากมายกว่านั้นไปอีกสักเล็กน้อย และวิธ๊การใช้งานของมันก็ต่างจากเดิมไปอีกสักหน่อยครับ

Screenshot_2015-05-11-07-29-05-000-horz

หลังจากติดตั้งแอพพลิเคชั่น Drupe ลงเครื่องแอนดรอยด์ของเราแล้ว ก็จะเห็นว่าการทำงานของเจ้าแอพตัวนี้จะเป็นแบบลอยเหนือหน้าจอการทำงานของแอพอื่นๆ ทั้งหมดครับ โดยจะซ่อนตัวอยู่ในไอคอนจุดไข่ปลาด้านข้างของหน้าจอ เวลาเรียกใช้งาน ก็สามารถเรียกออกมาได้โดยการสไลด์จุดไข่ปลาออกมากลางหน้าจอนั้นเองครับ ทำให้แอพพลิเคชั่น Drupe ทำงานได้ทุกหน้า แม้แต่หน้าล็อกสกรีน

Capture

การทำงานของแอพ Drupe จะมีแยกเป็นสองฝั่ง นั้นคือฝั่งรายชื่อบุคคลและฝั่งรายชื่อของแอพพลิเคชั่นที่ใช้ติดต่อ ซึ่งรายชื่อทั้งสองฝั่งนี้เราสามารถกำหนดเองได้ว่า จะให้แสดงเป็นแอพพลิเคชั่นอะไรบ้างตามที่มีให้เลือก และทางฝั่งรายชื่อ เราสามารถเลือกให้แสดงว่าจะเป็นรายชื่อคนโปรดหรือรายชื่อบุคคลที่ติดต่อไปล่าสุดครับ เราสามารถกำหนดกลุ่มคน และสามารถเพิ่มรายชื่อเข้าไปได้เอง โดยการควบคุมผ่านการสไลด์ซ้ายขวาขึ้นลง

Screenshot_2015-05-11-07-30-06-420-horz

ในการใช้งาน เพียงแค่เราลากรายชื่อที่เราต้องการติดต่อจากฝั่งซ้าย ไปยังแอพพลิเคชั่นที่เราต้องการติดต่อในฝั่งขวา เท่านี้เราก็สามารถติดต่อบุคคลนั้นได้ทันทีเลยครับ ในกรณีที่ตัวแอพพลิเคชั่นยังไม่รู้ว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใครในแอพพลิเคชั่นที่เราต้องการใช้งาน ก็เพียงระบุให้แอพ Drupe รู้ไว้ในครั้งแรกก็เรียบร้อยแล้วครับ เช่นลากรายชื่อที่ต้องการไปยังแอพ Line ถ้าแอพยังไม่ทราบว่าคือใคร ค้นหาและระบุให้ถูกตัวในครั้งแรกครั้งเดียว

Screenshot_2015-05-11-07-36-51-839-horz

ถ้ารายชื่อไม่ได้อยู่ในแถบด้านซ้ายมือ ก็สามารถพิมพ์ชื่อหรือเบอร์โทรได้เช่นกัน

Screenshot_2015-05-11-07-38-39-339

ก็เป็นแอพพลิเคชั่นฟรีดีๆ อีกหนึ่งตัวจากระบบแอนดรอยด์ครับ แอพแบบนี้คงมีระบบเดียวที่ทำได้ ^^ เพื่อนๆ สามารถดาวน์โหลดไปลองเล่นลองใช้งานกันได้จากลิงก์ด้านล่างที่แนบเอาไว้ให้ด้านท้ายบทความครับ แล้วเจอกันใหม่ในแอพพลิเคชั่นหน้า สวัสดีครับ

รองรับ: Android 4.1 ขึ้นไป ขนาด: 11MB ราคา: ฟรี

unnamed

playstore

DOWNLOAD

ที่มา appdisqus.com

วันศุกร์, มกราคม 16, 2558

Xiaomi เปิดตัว Mi Note Pro เรือธงตัวจริง มาพร้อมจอ 2K, Snadragon 810 และแรม 4GB

mi-note-pro-2.jpg

นอกจาก Xiaomi จะเปิดตัว Mi Note แฟ็บเล็ตรุ่นใหม่ของค่ายแล้ว Xiaomi ยังมีทีเด็ดอีกหนึ่งรุ่นคือ Xiaomi Mi Note Pro ซึ่งเป็นเรือธงตัวจริงของค่ายในปีนี้ที่มาพร้อมกับสเป็คที่แรงมากๆเลยทีเดียว โดย Xiaomi Mi Note Pro นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ 5.7 นิ้ว 2K (2560×1440 พิกเซล ที่ 515ppi) นอกจากนี้ยังใช้ซีพียูตัวล่าสุด octa-core Snapdragon 810 ที่เป็นซีพียูแบบ 64 บิท รองรับ LTE Cat.9 ที่มีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 450Mbps

Xiaomi Mi Note Pro ยังให้แรมมามากถึง 4GB LPDDR4, ความจุ 64GB eMMC 5.0, จีพียู Adreno 430 ส่วนสเป็คอื่นๆนั้นไม่แตกต่างจาก Mi Note รุ่นปกติ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Sony ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น OIS, กล้องหน้า 4 ล้านพิกเซล, MIUI 6

Xiaomi Mi Note Pro จะวางขายในราคา 3,299 หยวน (ราวๆ 17,500 บาท)

10570292_827433953958866_4081983171301209598_n

 

เครดิต: whatphone.tv

วันพฤหัสบดี, มกราคม 15, 2558

Tablet : TECLAST X98 Air แท็บเล็ต 9.7 นิ้วสเปคแรงไม่ธรรมดา กับนางแบบหน้าตากระชากใจ !!

หากพูดถึงแท็บเล็ตจีนทุกวันนี้ก็ถือว่าประสิทธิภาพการทำงานไม่ได้เป็นรองแบรนด์ใหญ่ๆในตลาดโลกเลย ทั้งเรื่องของสเปคหรือการดีไซน์ ล่าสุดทาง TECLAST ก็ได้เปิดตัว TECLAST X98 Air 3G แท็บเล็ตรุ่นล่าสุด

โดยมาพร้อมกับสเปคสุดโหด อย่างหน้าจอ 9.7 นิ้ว ความละเอียด 2048 x 1536 พิเซล หน่วยประมวลผล Intel Atom Baytrail-T Z3736F Quad-core 2.16 GHz , แรม 2 GB , ความจุภายใน 32 GB , แบตเตอรี่ 8,500 mAh , กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล , กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล เป็นต้น ราคาเปิดตัวสำหรับเวอร์ชั่นAndroid อยู่ที่ 1,099 หยวน (ประมาณ 5,890 บาท) และ 1,199  หยวน (ประมาณ 6,420 บาท)สำหรับเวอร์ชั่น Windows 8.1 ที่บรรยายมาก็พอจะเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมล่ะครับ เดี๋ยวๆอย่ามัวแต่มองภาพนางแบบเพลินสิ ><

สำหรับในเรื่องดีไซน์นั้นก็ออกแนว iPad Air เลยล่ะ แต่ก็สวยมากๆเลยเนอะ (หมายถึงอะไรน่ะ 55) ก็เอาเป็นว่าแนะนำกันคร่าวๆประมาณนี้ สำหรับเพื่อนๆที่สนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดของน้องเค้า เอ้ย...ตัวแท็บเล็ตได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยครับผม

 

เครดิต: http://www.techxcite.com/topic/20414.html

วันอังคาร, มกราคม 06, 2558

Asus Zenfone 2 มาเพื่อฆ่าให้ตายทั้งตลาด แรม 4GB – 64bit FullHD รองรับ 4G ราคาเริ่มต้นที่ 6,500 บาท


[CES2015] พรีวิว Asus Zenfone 2 มาเพื่อฆ่าให้ตายทั้งตลาด แรม 4GB – 64bit FullHD รองรับ 4G ราคาเริ่มต้นที่ 6,500 บาท

Asus-Zenfone-2-hero-631x360

มาแล้วกับเพชรฆาตตัวจริงจากแบรนด์เดิม Asus Zenfone 2 มาคราวนี้โหดขริงๆ เพราะครบเซ็ตความครบครัน เหมือนนำสเปคเรือธงมาลดกระหน่ำมาขายกันไม่ถึงครึ่งของราคา

จับภาพหน้าจอ 2558-01-06 เวลา 08.36.15

หน้าจอคมยันขอบครับ กับ Asus Zenfone 2 เพราะว่าหน้าจอของเจ้ารุ่นนี้ กินพื้นที่ของด้านหน้าตัวเครื่องไปมากกว่า 71% เลยทีเดียวครับ บนขนาดหน้าจอ 5.5 Gorilla Glass 3 FullHD 1080 x 1920 ที่สำคัญมันมาพร้อมกับรุ่นตัวเลือกสำหรับขนาดแรมทั้งแบบ 2GB และ 4GB Dual Channel ตัวแรกของโลกสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ทำงานร่วมกันกับ GPU PowerVR G6430/ CPU 64bit 2.3Ghz ของ Intel เรื่องความแรง เกินจะพอไปไกลแสนไกล

จับภาพหน้าจอ 2558-01-06 เวลา 08.36.44

ระบบสองซิม รองรับคลื่นความถี่ 4G LTE พร้อมกล้องถ่ายภาพ 13 ล้านพิกเซล f2.0 ที่มี Dual Flash Twotone แฟลชสองสี เพื่อให้ได้แสงแบบ Truetone สมจริงเหมือนกับเครื่อง iPhone 6 และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล และฟังชั่นการถ่ายภาพพร้อมฟิลเตอร์และลูกเล่นใหม่ๆ อีกมากมายเพิ่มเติมจากรุ่นเดิมที่ว่ามีกันเยอะอยู่แล้วครับ

จับภาพหน้าจอ 2558-01-06 เวลา 08.36.33

นอกจากนี้ Zenfone 2 ยังมีระบบการชาร์จพลังงานแบบฉับไว สามารถชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh ของมันได้ถึง 60% ใน 39 นาทีเท่านั้นครับ

จับภาพหน้าจอ 2558-01-06 เวลา 08.37.20

ZenUI บนการใช้งานร่วมกันกับระบบ Android 5.0 Lollipop ที่มาให้พร้อมตั้งแต่โรงงาน

จับภาพหน้าจอ 2558-01-06 เวลา 08.37.27

ปุ่มปรับเสียงและการควบคุมที่ย้ายไปด้านหลังตัวเครื่อง เพื่อความสะดวกและลดขนาดขอบจอให้เล็กลง เพิ่มขนาดหน้าจอที่สามารถขยายใหญ่ขึ้นในขนาดเครื่องที่ไม่ใหญ่ตามไป

จับภาพหน้าจอ 2558-01-06 เวลา 08.37.10

ก็ช่างน่าตื่นตากับตัวเลขของขนาดแรม ที่ทาง Asus ใส่มาให้กับเจ้า Zenfone ตัวนี้ แต่ราคาจำหน่ายของสองรุ่นที่มีขนาดแรมต่างกันนั้นก็มากอยู่ครับ ตัวแรม 2GB จะวางจำหน่ายในราคา 199$ หรือประมาณ 6,500 บาท ส่วนเจ้าแรม 4G ยังไม่มีราคาเป็นทางการ แต่ทาง Phone Arena ให้ข้อมูลว่า น่าจะประมาณ 249$ หรือประมาณ 8,200 บาทไทยครับ โดยเริ่มจำหน่ายกันตั้งแต่มีนาคมปีนี้เป็นต้นไปเลยครับ

จับภาพหน้าจอ 2558-01-06 เวลา 08.36.54

สเปคของ Asus Zenfone 2 ครับ

  • 64 bit Intel Atom processor
  • 5.5″ screen that apparently covers 71% of the front body Full HD 1080p
  • 13 MP rear shooter paired with a 5 MP  front facing camera
  • LTE capabilities
  • Fast charging – 0% to 60% in 39 minutes
  • แบตเตอรี่ 3,000 mAh
  • ZenUI – ASUS’s own version of Android Lollipop
  • 152.5 x 77.2 x 10.9 mm
  • Dual Sim 4G LTE

จับภาพหน้าจอ 2558-01-06 เวลา 08.36.24

 

                                                                                                                                                             เครดิต:appdisqus

วันจันทร์, กันยายน 22, 2557

วิธีแก้ปัญหาส่งรูปจากแท็บ Photo (รูปภาพ) ในแอพ LINE และอื่น ๆ ไม่ได้ บน iOS 8

หลังจากที่อัปเดท iOS 8 ไปแล้วตอนนี้พบว่าไม่สามารถเลือกส่งรูปจากแท็บ Photo (รูปภาพ) จากแอพต่าง ๆ ไม่ได้ เดี๋ยวเรามาดูวิธีแก้ปัญหานี้เบื้องต้นกันก่อนครับ ซึ่งคาดว่าปัญหานี้แอพต่าง ๆ อาจจะต้องอัปเดทให้รองรับให้เข้าไปส่งรูปที่แท็บ Photo ได้ก่อน

ios7_photos_icon

วิธีแก้ปัญหาส่งรูปจากแท็บ Photo (รูปภาพ) ในแอพ LINE และอื่น ๆ บน iOS 8 ไม่ได้

สำหรับวิธีการแก้ไขที่เราสามารถทำได้ตอนเองตอนนี้คือให้เราไปที่แท็บ อั้ลบั้ม > เลือกไปที่เครื่องหมาย + (บวก) แล้วเราสร้างอั้ลบั้มใหม่ขึ้นมาครับ > บันทึก

photo

เลือกรูปจากอั้ลบั้มรูปภาพที่เราไม่สามารถเข้าถึงได้จากแอพต่าง ๆ เลือกจนครบตามที่ต้องการให้เลือกที่ เสร็จสิ้น จากนั้นเราจะเห็นว่าจะมีอัลบั้มที่เราสร้างขึ้นมาแล้ว ยกตัวอย่างในรูปคืออัลบั้มชื่อ My Photo จะมีอยู่ 3 ภาพนะครับ

photo01

หลังจากที่สร้างอัลบั้ม เลือกรูปแล้ว พอจะมีส่งจากแอพต่าง ๆ เราก็จะสามารถส่งรูปที่เราต้องการได้แล้วครับ

photo3

ลองเอาวิธีนี้ไปใช้กันนะครับ สามารถแก้ปัญหาด้วยตัวเองกันครับ และถ้ามีวิธีอื่น ๆ เพิ่มเติมจะมาแนะนำกันใหม่ครับ

 

ที่มา : iphone-droid

วันพฤหัสบดี, กันยายน 04, 2557

คาด Find My iPhone คือช่องโหว่ที่แฮ็กเกอร์เจาะเข้าไปเอาข้อมูลภาพดาราดัง

celebimageleaks_thumbnail

12 ชั่วโมงที่ผ่านมาภาพจาก iCloud ของบุคคลที่มีชื่อเสียงก็ถูกแฮ็คจากโปรแกรมเมอร์ที่คาดว่าจะใช้ช่องโหว่ของระบบเจาะเข้าไปเอาข้อมูลและถูกโพสต์ลงบอร์ด 4chan โดยผู้เสียหายจะถูกเรียกค่าไถ่เป็นเงิน $95(~3,000บาท) โดยยังไม่มีการยืนยันว่าภาพใน iCloud ถูกดึงออกไปได้อย่างไร

celebimageleaks_thumbnail

โดยหนึ่งวันก่อนที่จะมีภาพหลุดออกมา นักพัฒนา ibrute ซึ่งเป็นโปรเจคสำหรับ code hosting บน Github ได้ชี้แจงว่ามี bug อยู่บนบริการ Find My iPhone โดยผู้ที่โจมตีจะต้องมี email ของเหยื่อและใช้การ random password ไปจนกว่าจะเจอ password ที่ถูกต้อง โดยทาง Apple ไม่ได้มีการป้องกันดังกล่าวไว้ ซึ่งผู้โจมตีอาจจะต้องการเพียงแค่หนึ่ง email เท่านั้นและใช้การค้นหาจาก inbox เพื่อหาเหยื่อรายต่อไป

ขณะนี้นักพัฒนาที่ออกมาเปิดเผยช่องโหว่ดังกล่าวก็รายงานว่าช่องโหว่นั้นถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว โดยได้มีการติดต่อไปสอบถามทาง Apple แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด โดยล่าสุด user ที่โพสต์ลงบอร์ด 4chan ได้ถูกระงับการใช้งานไปแล้ว อย่างไรก็ตามถึงขณะนี้ก็ยังไม่ทราบถึงความรุนแรงและจำนวนผู้เสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ที่มา -engadget

http://www.flashfly.net/wp/?p=99631

วันพุธ, สิงหาคม 27, 2557

ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราไลค์เพจไหนบน Facebook มาดูกัน

การใช้งานเฟสบุ๊คนั้น บางทีก็เป็นเรื่องที่ส่วนตัวมากๆ กับการที่เราจะไปรู้จักใครหรือไปเป็น Friend กับใคร แต่บางทีก็เลือกไม่ได้ในการที่จะต้องบอกให้คนอื่นๆ เค้ารู้ด้วย (ไม่รู้ว่าอยากรู้รึเปล่า) เพราะก็เป็นสังคมออนไลน์ ซึ่งหลายครั้งก็กลายเป็นเรื่องเป็นราวที่ทำให้คนที่เป็น Friend กับเราได้ทราบถึงตัวตนของเราว่าเป็นแบบใด

Facebook Like-0

โดยเฉพาะการ Like Page ก็เป็นดัชนีอีกตัวหนึ่งที่อาจทำให้คนอื่นเข้าใจเรามากขึ้น ว่าเราจะชอบอะไรแบบไหน ซึ่งก็เป็นเรื่องดี แต่ในทางกลับกัน หากเป็นเพจที่เป็นส่วนตัวจริงๆ อาจจะมีจุดประสงค์หรือเหตุผลหรือไม่ในการที่จะ Like เพจนั้นๆ แต่กลัวว่าเมื่อ Like ไปแล้ว จะทำให้คนอื่นมองไม่ดี ก็ทำให้เราพลาดโอกาสไปได้เหมือนกัน หากไม่ได้ Like หน้าเพจนั้นๆ ซึ่งวันนี้เรามีวิธีที่จำทำให้คุณไป Like เพจต่างๆ บน Facebook ได้แบบส่วนตัว ไม่ต้องกลัวคนอื่นมาเห็น ด้วยวิธีการง่ายๆ คือ

Facebook Like-1

1

Log-on เข้าไปที่หน้า Timeline บนเฟสบุ๊คของคุณเอง จากนั้นดูที่แถบทางด้านซ้ายมือ

Facebook Like-2

2

ในหน้าของ Timeline ให้ดูที่ซ้ายมือ เลื่อนลงมาเรื่อยๆ จะมีแถบของ Like ปรากฏอยู่ ในนั้นจะมีเพจที่คุณไป Like เอาไว้

Facebook Like-3

3

ให้คลิกที่ Edit หรือที่เป็นเครื่องหมายปากกา ที่แสดงอยู่มุมขวาของกรอบ Like นั้น

Facebook Like-4

4

เลือกที่บรรทัดล่างสุดในหัวข้อ Edit Privacy

Facebook Like-5

5

จะมีหน้าต่าง Edit Privacy of Likes ปรากฏขึ้น ให้เราคลิกไปยังรูปโลกด้านท้ายในแต่ละหัวข้อที่ต้องการ เลือกกำหนดว่าให้ใครเห็นที่เรา Like บ้าง มีให้เลือกทั้ง Public, Friend, Friends except acquaintances หรือ Only me

ซึ่งหากต้องการให้เป็นส่วนตัวมากๆ และไม่อยากแชร์ให้ใครได้เห็นเลยว่าเรา Like เพจใดบ้าง การเลือก Only Me ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการจัดการ เพราะเห็นได้เฉพาะเราเท่านั้น

 

 

ที่มา : notebookspec

วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 24, 2557

20 สิ่งน่ารู้ และเคล็ดลับใน Windows 8.1

20 สิ่งน่ารู้ และเคล็ดลับใน Windows 8.1

คุณอาจจะเห็นว่า Windows 8.1 นั้นหน้าตาคล้ายหรือเหมือนกับ Windows 8 ซึ่งถ้าดูเผินๆ อาจจะเห็นว่าไม่มีอะไรแต่ต่างกันเลย ! แต่จริงๆ แล้วถ้าสังเกตุดีๆ ก็จะเห็นความแตกต่างกันอยู่หลายจุดกันเลยทีเดียว วันนี้เราจึงนำเกร็ดสาระน่ารู้และเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับ Windows 8.1 มาฝากกัน


1. บูทเดสก์ท็อป

Boot desktop

วิธีนี้จะเป็นการบูทหน้าเดสก์ท็อปขึ้นมาหลังจากเปิดเครื่อง แทนที่จะบูทหน้าจอสตาร์ท (หน้า Metro)

ขั้นตอน: 1. ไปที่หน้า Desktop >> 2. ครั้งขวาที่ taskbar และเลือก 'Properties' >> 3. เลือกหัวข้อ Navigation tab >> 4. ให้ติ๊กที่ 'Go to the desktop instead of Start when I sign in'

2. ค้นหาแอพพลิเคชั่น

find apps

หน้าจอสตาร์ท (หน้า Metro) เมื่อเลื่อนไปส่วนของแอพพลิเคชั่น จะมีลูกศรเล็กๆ มุมซ้ายล่างให้คลิก เข้าไปจะแสดงข้อมูลแอพโดยจะเปลี่ยนเป็นเรียงตามชื่อตัวอักศร

3. เปลี่ยนพื้นหลังได้หลากหลาย

wallpapers

สามารถปรับเปลี่ยนพื้นหลังของหน้าจอสตาร์ท (หน้า Metro) กับเดสก์ท็อปให้เหมือนกันได้หรือจะเปลี่ยนเป็นรูปอีกก็ได้

4. ปิดเครื่องอย่างเร่งด่วน

Quick shutdown

ตัววินโดว์ 8.1 จะมีออฟชั่นใหม่ขึ้นมาโดย คลิกที่ขอบมุมซ้ายบนเดสก์ท็อป ซึ่งจะมีเมนูใหม่ขึ้นมา สามารถเลือก Shutdown ได้ทันที

5. เปิด-ปิดตัวค้นหาอันแสนอัจฉริยะ Bing

Configure Smart Search

วิธีนี้จะช่วยค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยตัวค้นหาอันแสนอัจฉริยะ แต่เมื่อไม่ต้องการ ก็สามารถปิดมันได้เช่นกัน

โดยให้เปิด Settings charm ขึ้นมาแล้วเลือกที่ 'Change PC settings >> Search and apps >> Search' จากนั้นปรับ Off ตรง Bing ครับ

6. ปรับขนาดแอพบนหน้าจอสตาร์ท

App tiles

วิธีนี้สามารถปรับขนาดของแอพบนหน้าจอสตาร์ทได้ด้วย โดย 1. คลิกขวาบนกรอบแอพที่ต้องการ 2. เลือก Resize จากนั้นเลือกขนาดที่ต้องการ

7. ล็อคหน้าจอสไลด์โชว์

Lock screen slideshows

สามารถทำหน้าล็อคหน้าจอให้เป็นแบบสไลด์โชว์ได้โดย เลือก Setting >> PC and devices >> Lock screen

8. ตั้งชื่อกรุ๊ป

Name app groups

สามารถตั้งชื่อกรุ๊ปแอพต่างๆ บนหน้าจอสตาร์ท (หน้า Metro) ได้โดยการ คลิกขวาที่หน้าจอสตาร์ท >> เลือก Customise to bring up the labels

9. ปรับขนาดหน้าจอ

10

ปรับหน้าจอได้ทันทีที่หน้าจอสตาร์ท (หน้า Metro) โดยไม่ต้องเข้าไปที่เดสก์ท็อป หรือคอนโทรลพาเนลเลย

ขั้นตอน: 1. คลิกที่ 'Settings' >> 2. เข้าไปที่ 'Change PC settings' และเลือก 'Display'

10. เอา Hot Corner ออก

Disable hot corners

วิธีนี้ถ้าไม่ต้องการแถบเครื่องมือที่อยู่ด้านขวาของเทสก์ท็อป ก็สามารถนำมันออกไปได้เช่นกัน

โดยไปที่ 1. 'Setting' >> 2. 'PC and devices' >> 3. 'Corners & edges'

11. IE11 โหมด Reading View

IE11 Reading View

Internet Explorer 11 หรือเรียกว่า IE11 จะติดมาพร้อมกับวินโดว์ 8.1 ซึ่งจะมีฟีเจอร์ใหม่ๆเข้ามาเพิ่ม หนึ่งในนั้นคือโหมด Reading View

สามารถเข้าใช้ได้โดย คลิกที่ ไอคอนหนังสือ บนฝั่งขวาของ  Address bar

12. การใช้งานแอพพร้อมกัน

App docking

ในวินโดว์ 8.1 นี้สามารถเปิดใช้แอพพร้อมกันโดยแบ่งหน้าจอไว้ที่ตรงกลางได้แล้ว

13. การเก็บข้อมูลไปที่ SkyDrive

Save to SkyDrive

ขั้นตอน: 1. เปิด Change PC Settings screen >> 2. เข้าไปที่ SkyDrive และเลือกเมนู Files

14. แถบ Libraries Link

15

ในวินโดว์ 8.1 จะไม่โชว์แถบ Libraries Link มาเหมือน วินโดว์ 7 แต่ยังสามารถนำมันกลับมาได้เช่นกัน

ขั้นตอน: 1. เปิดเมนู View >> 2. คลิกที่ Navigation pane และเลือก 'Show Libraries'

15. นาฬิกาปลุกอัจฉริยะ

Sound the alarm

นาฬิกาปลุกที่สามารถตั้งได้หลายเวลา และกำหนดเสียงปลุกเองได้

16. เครื่องคิดเลขอัจฉริยะ!

Quick calculations

เครื่องคิดเลขที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้เร็วขึ้นกับฟังชั่นใหม่ๆ

17. อัพเดทแอพพลิเคชั่นอัตโนมัติ

App updates

ไม่จำเป็นต้องมานั่งกดอัพเดทเองอีกแล้ว วินโดว์ 8.1 เขามีฟังชั่นคุณชายมานำเสนอ ซึ่งจะช่วยอัพเดทแอพให้อัตโนมัติ

สามารถเปิด-ปิด การใช้งานได้ใน Setting บน Store App

18. การเปิดใช้ System Image Backup

Create a system image backup

ขั้นตอน: 1. เข้าไปที่ Desktop >> Control Panel >> 2. เข้า System and Security และเลือก File History pane

เมื่อทำการเปิดแล้ว System Image Backup link จะปรากฏตรงมุมซ้ายมือด้านล่าง

19. แอพแต่งภาพ

Edit your pictures

แอพแต่งภาพที่มาพร้อมกับฟังชั่นช่วยแต่งภาพ ที่ช่วยให้ทำงานสะดวกมากขึ้น

20. แอพช่วยเหลือ

Get more help

การใช้งานวินโดว์ 8.1 อาจจะดูไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ เลยมีแอพช่วยเหลือที่ให้สามารถเข้าใจและใช้ได้ง่ายขึ้น

ที่มา : http://www.techradar.com/news/software/operating-systems/windows-8-1-tips-tricks-and-secrets-1188599http://tips.thaiware.com/188-Windows-8-1-Tip-Tricks-and-Secrets.html