This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

A beautiful Start

It begins here. Windows 8 and Windows RT.

Make the #switch

It’s colourful. Fast. Takes amazing photos. And that’s just for starters... So many reasons to fall in love with the new Nokia Lumia. Then make the #switch.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

วันพฤหัสบดี, กันยายน 29, 2554

วิธีแก้ไขเมื่อ hotmail login เข้าใช้ไม่ได้

hotmail3

ไมโครซอฟท์ให้คน ‘Hotmail’ หาย แจ้งสิทธิ์เจ้าของกู้คืน

  images

ผู้ใช้งาน Hotmail ในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง เจอปัญหาไม่สามารถล็อกอินเข้าใช้งานอีเมล์ได้ แนะนำผู้ใช้งานเข้ามายืนยันการใช้สิทธิ์เป็นเจ้าของอีเมล์ หลังมีมัลแวร์ แฮกเกอร์แอบเจาะข้อมูล…
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกประกาศเกี่ยวกับการล็อกอินเข้าใช้งานอีเมล์ ฮอตเมล์ (Hotmail) หลังจากที่เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ใช้งาน Hotmail ในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง ได้ประสบปัญหาไม่สามารถล็อกอินเข้าใช้งานอีเมล์ อันเนื่องมาจากบัญชีอีเมล์ (email account) ได้รับการแก้ไขปัญหาการถูกเจาะข้อมูลโดยแฮกเกอร์ ที่พุ่งเป้าไปยังผู้ใช้บริการ Hotmail ซึ่งส่งผลเสียต่อความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยของข้อมูลที่อยู่ในบัญชีอีเมล์ (email account) รวมทั้งรายชื่อผู้ติดต่อ (Contacts) ของเจ้าของอีเมล์ ปัญหาดังกล่าวนับเป็นปัญหาสำคัญ ที่เจ้าของอีเมล์ หรือผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ ไม่สามารถป้องกันได้
ไมโครซอฟท์ ระบุว่า ได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีการต่างๆ โดยได้ร่วมมือกับเจ้าของอีเมล์ที่ถูกเจาะข้อมูลเพื่อกู้สิทธิ์การใช้งานที่ ถูกต้องให้แก่เจ้าของอีเมล์ และกำจัดผู้เจาะข้อมูลออกไป นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้พัฒนาฟีเจอร์ เพื่อช่วยปกป้องผู้ใช้งานจากการถูกเจาะข้อมูล การอัพเดทดังกล่าวจะช่วยให้ผู้บริโภคปกป้องรหัสผ่านได้ดียิ่งขึ้น และในกรณีที่มีบุคคลสามารถเจาะข้อมูลเข้ามาได้ ไมโครซอฟท์ก็มีแนวทางช่วยเหลือผู้บริโภคในการกู้สิทธิ์อีเมล์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เจ้าของอีเมล์หลายท่านมักไม่ทราบว่าอีเมล์ของตนถูกคุกคาม
ใน ขณะที่เราร่วมมือกับเจ้าของอีเมล์เพื่อยืนยันสิทธิ์การเป็นเจ้าของอีเมล์ และสร้างความมั่นใจในการปกป้องความปลอดภัยในการใช้งานและความเป็นส่วนตัวของ เจ้าของอีเมล์ กระบวนการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ผู้ใช้งานบาง ท่านได้ ไมโครซอฟท์ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งในกรณีดังกล่าวและความไม่สะดวกที่เกิด ขึ้น และขอบคุณที่ท่านได้ให้ความร่วมมือกับเราเป็นอย่างดี
“โดยใน กรณีที่ไม่สามารถล็อกอินเข้าใช้อีเมล์ของท่านได้นั้น สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่สามารถเข้าใช้งานล็อกอินอีเมล์ของท่านได้ แนวทางการแก้ไขที่ดีที่สุดคือการตั้งค่ารหัสผ่านใหม่ ในกรณีที่ให้ข้อมูลประเทศที่อาศัยอยู่และตั้งคำถามส่วนตัวเอาไว้ สามารถตอบคำถามเพื่อทำการตั้งค่ารหัสผ่านใหม่ได้เข้าไปที่ https://windowslivehelp.com/passwordreset.aspx?ovlangid=1054
และเลือก “ใช้ข้อมูลที่ตั้งและคำถามส่วนตัวของฉันในการยืนยันอีเมล์” ส่วนในกรณีที่ท่านได้ตั้งอีเมล์สำรองเอาไว้ ท่านสามารถส่งลิงค์สำหรับการตั้งค่าอีเมล์ใหม่ไปให้อีเมล์สำรองนั้นได้ โดยเข้าไปที่ https://windowslivehelp.com/passwordreset.aspx?ovlangid=1054
และเลือก “ส่งข้อมูลการตั้งค่าไปยังอีเมล์ของฉัน”
หากไม่สามารถล็อกอิน หรือ ตั้งค่ารหัสผ่านใหม่ได้ ให้เข้าไปที่หน้าเว็บการกู้คืนรหัสผ่านของผู้ใช้ที่ https://windowslivehelp.com/passwordreset.aspx?ovlangid=1054
กระบวนการดังกล่าวจะต้องใช้ระยะเวลานาน (ภายใน 48 ชั่วโมง) ดังนั้น ควรเลือกใช้วิธีนี้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถใช้วิธีการอื่นๆ ได้แล้วเท่านั้น
ทั้ง นี้ บัญชีอีเมล์ (Email Account) ส่วนมากที่ถูกคุกคามเกิดขึ้นจากการจู่โจมของอีเมล์หลอกลวง หรือสแกม มัลแวร์ รวมทั้งการตั้งรหัสผ่านที่เดาได้ง่าย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับแนวทางในการปกป้องบัญชีอีเมล์ของท่าน สามารถศึกษาได้จาก http://explore.live.com/windows-live-hotmail-secret-answer-using

วันศุกร์, กันยายน 23, 2554

เบิร์นแผ่นดิสก์อย่างไรไม่ให้เสีย ด้วย 5 วิธีง่ายๆ

 cdrom
วิธีการที่ถูกต้องที่สุดคือ การ verifying หรือ validating ให้กับการเบิร์นแผ่นซีดีหรือดีวีดีใหม่ๆ ก่อนที่คุณจะนำไปเล่นบนเครื่องเล่นต่างๆ
อารมณ์เสียมั้ยล่ะครับ เวลาที่กำลังรีบส่งงานอยู่แล้วเจ้ากรรม ไดรฟ์เขียนแผ่นซีดีดันเบิร์นแผ่นเจ๊งซะงั้น แถมยิ่งถ้าเหลือแผ่นดิสก์เปล่าแผ่นเดียวด้วยล่ะก็ คุณคงเซ็งน่าดูเลยใช่มั้ยล่ะครับ ผมล่ะคนหนึ่งแล้วที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ตอนเรียนอยู่ เล่นเอาเซ็งไปเลย ต้องรีบไปหาซื้อแผ่นซีดีแผ่นใหม่ยี่ห้อหรู ที่แสนแพง ราคาต่างกันเกือบ 5 เท่าเลยทีเดียว เพราะมันจำเป็นต้องซื้อ
       แต่ด้วยเทคนิคง่ายๆ 5 ข้อนี้ ก็จะช่วยให้คุณสามารถลดความผิดพลาดลงและหลีกเลี่ยงปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นในระหว่างการเบิร์นแผ่นซีดีหรือดีวีดีได้มากขึ้น

       1.โปรดติ๊กฟังก์ชัน verify: ถ้ามีกฎทองในการเบิร์นแผ่นซีดี/ดีวีดีแล้วล่ะก็ การใช้ซอฟต์แวร์ที่มีฟังก์ชันการ verify หรือ validate เพื่อเปรียบเทียบการเขียนแผ่นกับการอ่านแผ่น ก็จะเป็นอะไรที่ดีเยี่ยมเอามากๆ ถึงแม้ว่าฟังก์ชันการ verify ไม่ได้เพิ่มโอกาสในการเบิร์นแผ่นให้สำเร็จ แต่มันจะช่วยให้คุณรู้ถึงปัญหาในระหว่างการเบิร์นแผ่นดิสก์ได้ แม้ว่าคุณจะเบิร์นแผ่นสำเร็จก็ตาม แต่ในเวลาเล่นแผ่นก็มีโอกาสเกิดบั๊กขึ้นได้เสมอ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เพราะแผ่นดิสก์ห่วยแต่อย่างใด แต่เกิดขึ้นจากการเริ่มต้นเขียนแผ่นที่ไม่ดีต่างหากล่ะครับ เพราะฉะนั้น ติ๊ก validate ไว้สักนิดก็ดีนะครับ

       2. ใช้สื่อบันทึกข้อมูลผิดชนิด: ถ้าคุณคิดว่า คุณสามารถเลือกแผ่นบันทึกข้อมูลที่เจ๋งที่สุดมาเบิร์นนั้น ต้องขอบอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะการเลือกแผ่นบันทึกข้อมูลให้เหมาะสมกับเครื่องเล่นที่ซัปพอร์ตแผ่นชนิดต่างๆ นั้นคือความคิดที่ดีที่สุดในการเลือกแผ่นต่างหาก ยกตัวอย่างเช่น แผ่นดีวีดี ที่มีทั้งแบบ DVD+-R/RW หรือ DVD-RAM เป็นต้น ซึ่งถ้าคุณซื้อแผ่นซีดีหรือดีวีดีที่เป็นยี่ห้อโนเนม แล้วล่ะก็ กฎทองในข้อที่ 1 เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก และมันก็มีโอกาสที่จะเบิร์นแผ่นเสียได้มากกว่า โดยในประสบการณ์ที่เจอ แผ่นดีวีดีจะสามารถเบิร์นแผ่นได้ดีกว่าแผ่นซีดีอยู่แล้ว ในแง่ของการผลิต แต่ในความเป็นจริง หากคุณเลือกใช้แต่แผ่นที่มีราคาต่ำ ไดรฟ์ของคุณก็จะมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าที่จะทำให้หัวอ่านซีดีเขียนแผ่นไม่ตรงและไม่แม่นยำได้ ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การเบิร์นแผ่นของคุณเสีย หรือมีอาการกระตุกครับ
 2007-03-31-004
ลองปรับความเร็วในการเบิร์นแผ่นให้ต่ำลง จะให้ผลที่ดีกว่าการเบิร์นที่ความเร็วระดับสูงสุด
       3.อย่าเขียนแผ่นซีดีเร็วเกินไป: ผมเชื่อแน่ว่า ทุกคนคงไม่มีใครอยากจะรอนานในเวลาเบิร์นแผ่นดิสก์หรอกครับ แต่อย่างว่า ยิ่งเขียนแผ่น CD-R และ DVD-R เร็วมากเท่าไร โอกาสที่แผ่นจะเสียก็มีมากขึ้นตามไปด้วย แต่ปัญหานี้จะไม่ค่อยเกิดขึ้นกับแผ่นซีดีและดีวีดีแบบ rewritable เพราะแผ่นแบบนี้มันจะเขียนได้ช้ากว่าปกติอยู่แล้ว ซึ่งการเบิร์นแผ่นจะเสียหรือไม่เสียนั้น ปัจจัยหลักคือระยะเวลาในการเขียนแผ่นที่คุณตัดสินใจเลือกนั่นแหละ ที่จะก่อให้เกิดปัญหาแผ่นเสียขึ้นมา ดังนั้นทางที่ดี คุณควรเลือกความเร็ว ที่รองลงมาจากความเร็วสูงสุด หรือต่ำกว่านั้น เพราะถ้าวัดเวลาเขียนแผ่นจริงๆ แทบจะไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องของเวลาเลย อย่างความเร็วที่ 18x และ 16x เป็นต้น แต่สำหรับผมแล้ว น้อยครั้งนักที่ผมจะเขียนแผ่นด้วยความเร็วสูงสุด เต็มทีเลยผมก็เขียนไม่เกิน 10x ละยิ่งถ้าเป็นแผ่นดีวีดีด้วยแล้วล่ะก็ แทบไม่เคยเกิน 4x เลยครับ
 
       4.เฟิร์มแวร์ไม่ใหม่พอ: การอัพเดตเฟิร์มแวร์ให้กับไดรฟ์เขียนแผ่นดิสก์ ก็เป็นอีกหนึ่งทางที่จะทำให้โอกาสในการเขียนแผ่นดิสก์เสียลดลง เพราะเดี๋ยวนี้เครื่องเขียนแผ่นหลายยี่ห้อกำลังแข่งขันกันอย่างหนัก เร่งเวลาในการออกจำหน่ายสู่ตลาด ซึ่งอาจจะทำให้เฟิร์มแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่มากับเครื่องไม่สมบูรณ์เพียงพอในขณะที่เราซื้อ ดังนั้นการอัพเดตเฟิร์มแวร์หรือซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะถ้าคุณไม่แฮป...อยู่แล้วกับประสิทธิภาพในการเขียนแผ่น คุณสามารถหาเฟิร์มแวร์อัพเดตได้ที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตยี่ห้อต่างๆ อย่าไปรอให้เครื่องเสียซะก่อนค่อยแก้ไขน่ะครับ ยังไงก็กันไว้ดีกว่าแก้ แต่ถ้าเครื่องเขียนแผ่นของคุณไม่ได้เป็นอะไร ใช้งานได้ดีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปอัพเดตแก้ไขเฟิร์มแวร์น่ะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าอัพเดตขึ้นมากลับทำให้เขียนแผ่นเสียมากขึ้นกว่าเดิมอีก แต่ถ้ายังมีปัญหาในการเขียนแผ่นดิสก์เสียเกิดขึ้นอยู่เหมือนเดิม แม้ว่าจะเปลี่ยนยี่ห้อของแผ่นบันทึกแล้วก็ตาม ลองอัพเดตเฟิร์มแวร์หรือซอฟต์แวร์ให้กับเครื่องดู ก็น่าจะช่วยได้เช่นกัน

       5.คอมพิวเตอร์คุณไม่เร็วพอ: พีซีเครื่องใหม่ในตอนนี้ มีความเร็วเพียงพอที่จะทำงานอย่างอื่นควบคู่ไปกับการเบิร์นแผ่นในเวลาเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเบิร์นแผ่นได้สำเร็จทุกครั้งน่ะครับ โอกาสที่แผ่นจะเสียก็ยังมีสูงอยู่ ดังนั้นการปิดแอพพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้ หรืออย่างน้อยก็ minimize มันลงมาในขณะที่กำลังเบิร์นแผ่นอยู่ ก็จะช่วยลดโอกาสที่แผ่นจะเสียได้มากขึ้น ซึ่งที่ผมกล่าวมา ผมไม่ได้หมายถึงว่า ให้คุณหยุดทำงานทั้งหมด ในขณะที่เบิร์นแผ่นอยู่ แต่คุณควรระวังเอาไว้ เพราะโอกาสที่เบิร์นแล้วแผ่นจะเสียยังมีอยู่ และยิ่งถ้าคุณมีแผ่นบันทึกเพียงแค่แผ่นเดียวเท่านั้น แถมยังเสียไม่ได้อีกด้วย ผมแนะนำเลยว่า ปิดแอพพลิเคชันทั้งหมด แล้วไปหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาจะเป็นความคิดที่ดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ดื่มชากาแฟ หรืออ่านหนังสือพิมพ์ ก่อน จนกว่าการเบิร์นแผ่นจะเสร็จสมบูรณ์ เพียงเท่านี้คุณก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าแผ่นจะเสีย โดยเฉพาะถ้าเครื่องคอมพ์ของคุณเป็นรุ่นเก่าๆ ด้วยแล้วล่ะก็ เปิดแค่โปรแกรมเบิร์นแผ่นอย่างเดียวนี่แหละครับ ดีที่สุด
       เป็นไงกันบ้างครับกับทิปเทคนิคง่ายๆ ที่ใครหลายๆ คนมักจะมองข้ามความสำคัญตรงจุดนี้ไป ยังไงก็ของให้ทุกคนเบิร์นแผ่นกันได้สำเร็จน่ะครับ มีแผ่นเสียน้อยๆ รวมทั้งเลือกยี่ห้อแผ่นดิสก์ที่ดูมีประสิทธิภาพสูงๆ ด้วยน่ะครับ แล้วพบกับทิปเด็ดๆ กันใหม่ในครั้งต่อไปครับ
***************


วันพฤหัสบดี, กันยายน 22, 2554

แก้ไวรัส Personal Shield Pro




วันนี้ได้เจอเคสแปลกคือเครื่องทำงานอะไรไม่ได้เลย ต่อเน็ทไม่ได้ เสียบแฟรชไดร์ฟไม่ขึ้น เปิดทาสก์เมเนเจอร์ก็ไม่ขึ้น เข้าดอสก็ไม่ได้ บล็อกการทำงานทุกอย่าง แม้กระทั้งแอนตี้ไวรัสเสียเอง และก็มีหน้าต่างโปรแกรม Personal Shield Pro ขึ้นมาแจ้งว่าเราติดไวรัสมากมายก่ายกอง จากที่ได้ค้นมาปรากฏว่าไอ้หน้าต่าง
โปรแกรม Personal Shield Pro มันเป็นโปรแกรม anti virus ปลอม คือมาแจ้งเราว่ามีไวรัสเยอะแยะเลยทั้งที่ในเครื่องไม่มีนะครับ แล้วก็ให้เราจ่ายเงินเพื่อทำการซื้อซอฟท์แวร์เพื่อฆ่าไวรัส โดยซื้อแล้วจะได้ซีเรียลมาใส่ในโปรแกรมเพื่อปลดล็อกโปรแกรม เป็นกลวิธีที่แยบยลมาก ถ้าใครหลงเชื่อมีอันเป็นเสียเงิน เสียเวลา ถ้ามารู้ภายหลังว่าโดนหลอกก็คงต้องแค้นฝังหุ่นกันเลยทีเดียว
วิธีแก้
1.โหลดโปรแกรม http://www.mcafee.com/us/downloads/free-tools/stinger.aspx หรือhttp://www.myantispyware.com/2008/08/28/malwarebytes-anti-malware-free-spyware-malware-trojan-remover/(แนะนำตัวนี้)
2. บูทเข้า safemode และทำการติดตั้งจาก flashdrive ได้เลยครับถ้ากรณีเครื่องมองไม่เห็น flashdrive ให้บูทเข้า safemode with networking จากนั้นให้ทำการต่อแลนไปอีกเครื่องที่แชร์โปรแกรมที่เราโหลดมาจากข้อ 1 อาศัยการแชร์ไฟล์เอา
3. ติดตั้งโปรแกรมในข้อ 1 แล้วสแกน ปรากฏว่าเจออยู่หลายตัวทำการ clean ทิ้งซะ รีสตาร์ท อาการก็จะหาย คือไม่ช้าและไม่มีหน้าต่างป็อปอัพเล็กๆที่ชอบขึ้นด้านขวามากวนใจ และการทำงานทุกอย่างดูเหมือนว่าจะทำงานได้ปรกติอาการก่อนไวรัสตัวนี้เข้ามา ถ้าไม่มั่นใจว่าหลงเหลืออยู่หรือไม่ให้เอา stringer มาสแกนอีกรอบก็ได้ครับ
สำหรับ stringer นั้นคือ standalone utility จากค่าย McAfee สำหรับตรวจจับและลบไวรัส ไม่ใช่ anti virus ตัวเต็มแต่เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วย admin และ user ในการจัดการกับระบบที่ติดไวรัส
อ่าน how to use ที่นี่ http://www.mcafee.com/us/downloads/free-tools/how-to-use-stinger.aspx
อ้างอิงจาก http://www.myantispyware.com/2011/06/10/how-to-remove-personal-shield-pro-virus/

วันเสาร์, กันยายน 17, 2554

USB Disk Security โปรแกรม Antivirus สำหรับ USB

 

USB Disk Security เป็นโปรแกรมแอนตึ้ไวรัสสำหรับ Flash disk / Flash memory card / Iipod เป็นโปรแกรมแอนตึ้ไวรัสที่เล็กและเร็วที่สุดในโลกและสามารถป้องกันไวรัสได้ 100% โดยไม่ต้องอัพเดท Signature หรือต่ออินเทอร์เน็ต ใช้งานง่ายและรองรับทุกระบบปฏิบัติการ


 usbdisksecurity_3


หลักการทำงานคือ พอเราต่อ USB Port (เช่น Flash drive) เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ โปรแกรมก็จะสแกน (อย่างรวดเร็ว) ถ้าไม่มีไวรัสก็จะมีป๊ิิอปอัพขึ้นมาอย่างนี้

 
usbdisksecurity_1
ถ้ามีไวรัส เราก็สั่ง Delete ได้ 
usbdisksecurity_2
เป็นด่านหนึ่งที่ช่วยตรวจสอบไวรัสก่อนที่จะเข้ามา ช่วยเพิ่มเกราะป้องกันให้คอมพิวเตอร์ของเราอีกทางหนึ่ง แต่ก็ควรใช้โปรแกรม Anti virus ควบคู่ไปด้วยนะ ขอบอก

Download

วันเสาร์, กันยายน 03, 2554

แก้เน็ต TOT ห่วยให้ Google Public DNS ช่วยได้

ใช้เน็ตทีโอที (TOT) แล้วเข้าเว็บไม่ได้ มาทางนี้ครับ ใส่ DNS ของ Google ไปเลย ช่วยได้
วันที่ 3 ธ.ค. google ประกาศเปิดตัว Google Public DNS  ที่ทางทีมงาน google เชื่อว่าจะเพิ่มความเร็วในการท่องเว็บให้กับผู้ใช้เน็ต แถมด้วยความปลอดภัย และ ความแม่นยำที่มากกว่าอีกต่างหาก!!


DNS คืออะไร?
ย่อมาจาก Domain Name Server เป็นสิ่งที่ใช้อ้างหมายเลขเครื่อง หรือ IP  Address  ซึ่งหากเราจะเชื่อมไปยังเว็บใดๆ  HOST ของเว็บก็จะสอบถามเลข IP ของเรา  กับ DNS server แล้ว DNS server ก็จะค้นหาหมายเลขของเรา แล้วก็แจ้งให้ Host ทราบ
ทีม google โฆษณาไว้เยอะเหมือนกันสำหรับของเล่นใหม่ชิ้นนี้  และก็น่าสนใจมาก เพราะการเปลี่ยนค่า DNS ผู้ใช้เน็ตทั่วไปสามารถทำได้ง่ายๆ  และหากไม่ดีก็สามารถเปลี่ยนกับได้ด้วย ทาง google เลยขอให้ชาวโลกทั้งหลายมาทดลองใช้Google Public DNS นี้ ดูซิว่าจะเร็วขึ้นจริงมั้ย!!!


วิธีการเปลี่ยนค่า DNS เป็น  google public DNS
1.  ไปที่ control panel > Network Connection หรือ Network and Sharing Center หรือ Manage network connections (แล้วแต่ OS หรือ window ที่เราใช้)


TCP-7

สำหรับWindows XP

TCP


2. เลือกเนตที่เราใช้อยู่ จะมี 2 แบบคือ Local Area Connection และ Wireless Network Connection คลิ้กขวา แล้วเลือก Properties
3. เข้าไปเลือก  Internet Protocol Version 4 (TCP/IPv4) หรือ Internet Protocol(TCP/IP) แล้วกดที่ปุ่ม properties
4.ดูช่องด้านล่างเลือก Use the following DNS server addresses  ซึ่งจะมี Preferred DNS server และ  Alternate DNS server ใส่ IP ของ google DNS เข้าไปเลย


TCP1-7


กด OK

ก่อนปรับแต่ง

Before

หลังปรัปแต่งแล้ว

After

 

เป็นไงล่ะครับพบข้อแตกต่างเห็นๆเลยใช่ไหม่ล่ะคร๊าบ..ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อนๆก็ลองกันดูนะครับได้ผลออกมายังไงอย่าลืมเล่าสู่กันฟังนะครับ..!

ป้องกันไม่ให้ VB Script รันโดยอัตโนมัติ

วิธีการป้องกันไม่ให้ VB Script รันโดยอัตโนมัติ
เนื่องจากในปัจจุบันนั้น มีไวรัสและมัลแวร์ประเภท VBScript หลายๆ ตัว ที่ระบาดอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ผ่านทางสื่อเก็บข้อมูลแบบพกพา โดยไวรัสและมัลแวร์ประเภท VBScript จะต้องใช้บริการ Windows Script Host ของวินโดวส์ในการทำงาน ดังนั้น ถ้าเราทำการปิดบริการตัวนี้ก็จะป้องกันไม่ให้วินโดวส์ทำการรันไฟล์ VBScript โดยอัตโนมัติ จึงเป็นหนทางหนึ่งที่สามารถช่วยป้องเครื่องคอมพิวเตอร์จากไวรัสและมัลแวร์ประเภท VBScript เช่น Hack by xxx ได้ โดยวิธีปิดบริการ Windows Script

Host นั้น สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
• วิธีที่ 1 ทำการลบรีจีสทรี่คีย์ HKey_Classes_Root\VBSFile\shell\open และ HKey_Classes_Root\VBSFile\shell\open2 ตามวิธีดังนี้
1. คลิกที่ Start>All Programs>Accessories>Command Prompt
2. ที่ Command Prompt พิมพ์ reg delete HKCR\VBSFile\Shell\Open\ เสร็จแล้วกด Enter
3. พิมพ์ y แล้วกด Enter
4. ที่ Command Prompt พิมพ์ reg delete HKCR\VBSFile\Shell\Open2\ เสร็จแล้วกด Enter
5. พิมพ์ y แล้วกด Enter
6. ปิด command prompt โดยการพิมพ์ exit แล้วกด Enter


• วิธีที่ 2 ทำการลบรีจีสทรี่คีย์ HKey_Classes_Root\VBSFile\Shell\
1. คลิกที่ Start>All Programs>Accessories>Command Prompt
2. ที่ Command Prompt พิมพ์ reg delete HKCR\VBSFile\Shell\ เสร็จแล้วกด Enter
3. พิมพ์ y แล้วกด Enter
4. ปิด command prompt โดยการพิมพ์ exit แล้วกด Enter


• วิธีที่ 3 ใช้โปรแกรม Symantec noscript
โปรแกรม Symantec noscript นั้นจะช่วยในการปิดบริการ wscript (Windows Script Host)โดยไม่ต้องทำการแก้ไข Registry ด้วยตนเอง วิธีการใช้งาน มีดังนี้
1. ดาวน์โหลดหรือบันทึกโปรแกรม noscript.exe ลงในโฟลเดอร์ที่ต้องการ
2. ทำการรันไฟล์ noscript.exe โดยการดับเบิลคลิก
3. คลิก Disable เพื่อทำการยกเลิกการรันไฟล์ VB Script


• วิธีที่ 4 ปิดการให้บริการ Windows Script Host โดยการแก้ไข Registry ด้วยตนเอง
1. คลิกที่ Start>All Programs>Accessories>Command Prompt
2. พิมพ์ reg add "HKLM\Software\Microsoft\Windows Script Host\Settings" /v Enabled /t REG_DWORD /d 0x00000000 เสร็จแล้วกด Enter
3. ปิด command prompt โดยการพิมพ์ exit แล้วกด Enter


• วิธีที่ 5 ใช้โปรแกรม AnalogX Script Defender
AnalogX Script Defender นั้นจะช่วยในการตรวจสอบการรันไฟล์ VB script โดยจะถามในห้ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะอนุญาติให้ทำการรันหรือไม่ วิธีการใช้งานมีดังนี้
1. ดาวน์โหลดโปรแกรม analogx_script_defender_1.2 ไฟล์ชื่อ sdefendi.exe ลงในโฟลเดอร์ที่ต้องการ
2. ทำการติดตั้งโดยการดับเบิลไฟล์ sdefendi.exe แล้วคลิก I Accept
3. คลิก Continue เพื่อทำการติดตั้ง
4. คลิก No เมื่อถามให้ลงทะเบียน
5. คลิกที่ Start>All Programs>AnalogX>Script Defender>Script Defender
6. ในหน้าต่าง AnalogX Script Defender ให้คลิกที่ Install Intercept เสร็จแล้วคลิก Done แล้วปิดโปรแกรม
หมายเหตุ:
1. วิธีการต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่วิธีการทดแทนโปรแกรมป้องกันไวรัส
2. วิธีการต่างๆ เหล่านี้สามารถป้องกันการรันไฟล์ประเภท VB Script โดยอัตโนมัติเท่านั้น
3. วิธีการต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่วิธีการแก้ไขในเครื่องที่ติดไวรัส
4. วิธีการต่างๆ เหล่านี้ต้องใช้สิทธิ์ระดับ Administrator


Security VBScript VB Script Prevent